Dow Tumbles as Virus Fears Wash Over Wall Street

# สำนักถ้วยจบ #

Dow Tumbles as Virus Fears Wash Over Wall Street

อารมณ์กำลังเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงิน เหลืออีกแปดวันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในที่สุดนักผจญก็เริ่มวิตกกังวล ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลงมากกว่า 900 จุดในระหว่างวันและโดยทั่วไปแล้วเมื่อมีการลดลงอย่างรุนแรงในวันเดียวก็มีแนวโน้มที่จะขาดทุนเพิ่มเติม การขายอย่างตื่นตระหนกมักจะนำไปสู่การกระทบครั้งใหญ่ในสกุลเงิน และระหว่างกรณีโคโรนาไวรัสที่ทำลายสถิติในสหรัฐฯและยุโรป การลดอัตราต่อรองของข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งและความไม่แน่นอนในการเลือกตั้งของสหรัฐฯนักผจญดอยมีความกังวลมากมาย

นี่เป็นสัปดาห์เป็น Big Week

1. หากทำเนียบขาวไม่สามารถประนีประนอมกับ House Speaker Nancy Pelosi ได้
2. คลื่น COVID-19 ลูกที่สองทำให้ชาติในยุโรปไม่ได้เตรียมตัวอย่างสิ้นเชิง หลายประเทศกำลังเพิ่มข้อจำกัด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด น่าเสียดายที่วิธีการแบบทีละน้อยไม่ได้ผลและบางประเทศอาจถูกบังคับให้ปิดกั้นทั่วประเทศ หากประเทศใหญ่ประเทศหนึ่งตัดสินใจทำเช่นนั้นประเทศอื่น ๆ ก็สามารถทำตามได้
เรากำลังเฝ้าดูฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิดเนื่องจากมีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสใหม่ 52,000 รายในวันอาทิตย์ ตอนนี้มีกรณีมากกว่าจุดสูงสุดของคลื่นลูกแรกในเดือนมีนาคมเกือบ 7 เท่า
ในตอนนี้ค่าเงินยูโรไม่ยอมลดลง แต่การกลับไปสู่การปิดกั้นทั่วประเทศในบางประเทศที่ใหญ่ที่สุดของยูโรโซนอาจเป็นจุดเปลี่ยนของสกุลเงิน
3. การประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปเป็นหนึ่งในความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้ และด้วยกรณีของไวรัสที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกำหนดขั้นตอนสำหรับการผ่อนคลายก่อนสิ้นปี การกระจายการลงทุนจากดอลลาร์สหรัฐฯเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ EUR / USD ยังคงซื้อขายอยู่เหนือ 1.1800 แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจไม่สามารถรองรับสกุลเงินได้นาน

มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการซื้อขายของดอลลาร์สหรัฐและตลาดสหรัฐในสัปดาห์นี้ นอกเหนือจากการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงแล้วตัวเลข GDP ในไตรมาสที่สามยังมีกำหนดออกและยังเป็นสัปดาห์แห่งรายได้ที่ยุ่ง คาดว่าการเติบโตของ GDP จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 3 หากเป็นเช่นนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์จะพยายามชี้ให้เห็นถึงการปรับปรุงนี้ด้วยเหตุผลที่ไม่สนับสนุนให้มีการจำกัดมากขึ้น
แม้จะมีผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ที่ทำลายสถิติและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 40% ในเดือนที่ผ่านมา โดยพื้นฐานแล้วรัฐบาลได้ยอมแพ้โดยหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวกล่าวว่าฝ่ายบริหารจะไม่ควบคุมไวรัส – เลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่วัคซีนและการรักษาแทน

บางรัฐเช่นอิลลินอยส์และนิวเจอร์ซีย์ได้ประกาศเคอร์ฟิวส์ของตนเอง เมืองนวร์กออกเวลา 20.00 น. เคอร์ฟิวสำหรับธุรกิจที่ไม่จำเป็นทั้งหมด เพิ่มเติมสามารถติดตาม ผลประกอบการที่อ่อนแออาจเร่งการชะลอตัวของหุ้นโดยมีชื่อเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดรายงานในสัปดาห์นี้

การล่มสลายของหุ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯและท่ามกลางกรณี Covid-19 ใหม่ที่น่าตกใจส่งผลให้นักผจญดอยรีบไปยังที่หลบภัยในวันจันทร์ทำให้การถือครองทองคำแข็งค่าขึ้นที่ระดับเหนือ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์

การเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ในวันที่ทำให้โกลด์ฟิวเจอร์สที่สูงกว่า 1,905 ดอลลาร์นั้นแน่นอนว่าไม่มีอะไรจะต้องพูดถึง แต่มันก็น่าทึ่งสำหรับเหตุผลหนึ่ง: แม้ว่าจะมีการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ซึ่งโดยปกติแล้วจะส่งโลหะสีเหลืองไปทางอื่น

เคยมั้ยครับ? เทรดเดโม่อย่างเทพ หลับตากดยังฟ้า แต่พอมาเทรดพอร์ตจริง อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า…

โบนัส $30
โบนัส $30

เคยมั้ยครับ? เทรดเดโม่อย่างเทพ หลับตากดยังฟ้า แต่พอมาเทรดพอร์ตจริง อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า…

วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง ทำไมเทรดพอร์ตเดโม่ถึงไม่เหมือนการเทรดในพอร์ตจริง? และเราควรเริ่มต้นฝึกเทรดด้วยพอร์ตแบบไหนดี? กันครับ

ในเชิงจิตวิทยา อย่างที่ทราบกัน เทรดพอร์ตเดโม่นั้นไม่เหมือนเทรดพอร์ตจริงแน่นอน เพราะเงินก็เงินปลอม ไม่ได้เสียเงินจริงนี่นา เสียทรงก็กล้าคัท ได้กำไรก็กล้ารัน ไม้ค้างก็นอนหลับสบาย บริหารความเสี่ยงแบบไม่จริงจัง เรียกได้ว่า “จิตวิทยายังไม่ทำงาน” การเป็นเทพเดโม่นั้น “เราไม่ได้ฝึกเรียนรู้ และควบคุมอารมณ์ในการเทรดของเราเลย”

ดังนั้น ผมจึงแนะนำนักเรียนอยู่เสมอว่า “ให้เริ่มต้นเทรดจากพอร์ตจริง” พอร์ตเล็กๆ ไม้เล็กๆ ก็ยังดี แล้วเราจะเก่งขึ้นได้เร็วกว่าเทรดพอร์ตเดโม่แน่นอน มือใหม่คนไหนอยากทดลองเทรดพอร์ตจริง ตอนนี้ทางโบรค Windsor เค้ามีโบนัสให้ไปลองเทรดกันฟรีๆ $30 ให้ลองเอาไปเทรดกันด้วยนะครับ กดลิงค์นี้เพื่อเปิดพอร์ตได้เลยครับ >>https://bit.ly/2PltXh8

ในส่วนของตัวบัญชีเอง และความสมจริง พอร์ตเดโม่ก็มีความแตกต่างจากพอร์ตจริงหลายอย่าง ดังนี้

1. บัญชีจริง(Live) และบัญชีเดโม่(Demo) นั้นใช้เซิร์ฟเวอรคนละเซิร์ฟเวอร์กัน ดังนั้นกราฟราคาจึงต่างกันเล็กน้อย

2. ตลาดForexนั้นมีการแกว่งตัวสูง ดังนั้นในการเทรดจริง จะมีสิ่งที่เรียกว่าSlippage หรือความแตกต่างระหว่างราคาร้องขอ(Requested Price)และราคาที่ดำเนินการจริง(Executed Price) ในสภาวะผันผวน โดยราคาจะแกว่งผ่านจุดที่เราตั้งไปไม่แมทช์ตรงเป๊ะๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมได้ แต่ในพอร์ตเดโม่นั้นไม่มีSlippage

3. บางโบรคเกอร์จะมี Leverage ให้เลือกหลายแบบในบัญชีจริงตามเงินที่ฝาก แต่ในบัญชีเดโม่ จะให้Leverageเท่ากันหมด 1:500

ดังนั้น การฝึกเทรดให้มีประสิทธิภาพที่สุด คือการเทรด “พอร์ตจริง” ซึ่งมี “เงื่อนไข และ สภาวะการเทรดที่สมจริง” ได้เรียนรู้อารมณ์ขณะเทรด และฝึกจิตวิตยาการเทรดไปพร้อมๆกันอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้คือหัวใจของการเทรดฟอเร็กซ์ให้เก่งเลยครับ

มือใหม่คนไหนยังกล้าๆกลัวแต่อยากลองลงสนามจริง อยากทดลองเทรดพอร์ตจริง ค่าเสปซ(Spreads)จริง ค่าคอมมิชชั่น(Commission)จริง ได้ลงมือเทรดจริง หรือมือเก่าแต่อยากทดลองใช้บริการดูโดยไม่มีความเสี่ยง ตอนนี้ทางโบรคWindsor Brokers เค้ามีโบนัสให้ไปลองเทรดกันฟรีๆ $30 ให้ลองเอาไปเทรดกันด้วยนะครับ กดลิงค์นี้เพื่อเปิดพอร์ตได้เลยครับ >>https://bit.ly/2PltXh8  และแน่นอน ด้วยความที่เป็นพอร์ตจริง ถ้าเทรดได้กำไรก็ถอนได้จริงด้วยนะครับ แล้วเราจะมามัวเทรดเดโม่กันอยู่ทำไม จริงมั้ยครับ?

เงื่อนไขรับโบนัส
1. เปิดบัญชี
2. ส่งเอกสารบัตรประชาชนด้านหน้า
3. รอดำเนินการภายใน 1-3 วันทำการ
เงื่อนไขถอนกำไรจากโบนัส
1. เทรดมากกว่า 0.50 ล็อต
2. เปิดเทรดมากกว่า 10 ออเดอร์
3. กำไรมากกว่า $30 ขึ้นไป

โบนัส $30
โบนัส $30

การประชุม เฟด(FED) คืออะไร??

การประชุม เฟด(FED) คืออะไร?? 🇺🇸💵🧓🏻🏦

หากคุณเทรดคู่สกุลเงินที่มี USD ในคู่สกุลเงิน เช่น EURUSD, USDJPY, XAUUSD, AUDUSD เป็นต้น หนึ่งในข่าวสำคัญที่คุณต้องไม่พลาดคือ การประชุมเฟด
.
การประชุมเฟดคืออะไร ทำไมคุณต้องให้ความสนใจและส่งผลกระทบอย่างไร เรามาดูกันครับ
.
การประชุมเฟดคือ
การประชุมของคณะกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์รัฐบาลกลาง (Federal Open Market Committee – FOMC) ซึ่ง FOMC เป็นองค์กรที่มีอำนาจในกำหนดนโยบายการเงินของเฟดหรือธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Federal Reserve System)
.
FOMC จัดการประชุมปีละแปดครั้งเพื่อสรุปภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกำหนดนโยบายการเงิน FOMC
.
ทำไมเทรดเดอร์ต้องให้ความสนใจ
ด้วยการซื้อขายบนโลกใบนี้เกินครึ่งอยู่ในรูปสกุลเงิน USD และ USD ยังเป็นสกุลเงินสำรองของโลกทำให้การประชุมเฟดไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เพียงสหรัฐฯ แต่ยังกระทบกับประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ รวมทั้งประเทศที่ใช้ USD เป็นสกุลเงินหลักอีกด้วย
..
หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น
จะทำให้ USD ดูน่าลงทุนขึ้น USD อาจแข็งค่าขึ้น
– Gold ราคาตกลง
– คู่สกุลเงินอย่าง EUR/USD จะตกลงเพราะ EUR/USD คือคุณซื้อ EUR แต่ขาย USD เมื่อ USD แข็งค่ากว่า EUR จะทำให้ EUR/USD ราคาตกลง

– คู่สกุลเงินอย่าง USD/JPY จะขึ้นเพราะ USD/JPY คือคุณซื้อ USD แต่ขาย JPY เมื่อ USD แข็งค่ากว่า JPY จะทำให้ USD/JPY ราคาเพิ่มขึ้น
.
หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลง
จะทำให้ USD ดูน่าลงทุนน้อยลง USD อาจอ่อนค่าลง
– Gold ราคาเพิ่มขึ้น
.
หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เปลี่ยนแปลง
เทรดเดอร์ต้องจับตาดูรายงาน FOMC ที่ออกหลังการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อดูแนวโน้มว่าทิศทางเงินเฟ้อจะไปทางสายเหยี่ยวที่กังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ (ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) หรือสายพิราบที่ไม่กังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ (ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย)
.
ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดเดอร์ คือ หลีกเลี่ยงการเทรดคู่สกุลเงินที่มี USD ประกอบในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะความเสี่ยงที่จะขาดทุนมีสูงมาก

Dow Climbs as Bulls Show Strength on Trump Discharge News, Energy Rally

# สำนักถ้วยจบ #
TODAY
10.30 Australia Interest Rate Decision
15.30 U.K. Construction Purchasing Managers Index (PMI)
15.35 European Central Bank President Lagarde Speaks
19.00 EIA Short-Term Energy Outlook
21.00 U.S. JOLTs Job Openings
21.40 U.S. Fed Chair Powell Speaks

Dow Climbs as Bulls Show Strength on Trump Discharge News, Energy Rally

ดาวโจนส์ปิดบวกวันจันทร์เนื่องจากนักผจญดอยให้กำลังใจข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์จะถูกปล่อยออกจากโรงพยาบาลในวันนี้และพลังงานที่เพิ่มขึ้น

ทรัมป์จะออกจากศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีดเวลา 18:30 น. ET ในวันจันทร์

แพทย์ของประธานาธิบดียืนยันว่าลุงโด้ได้รับการทดลองการรักษาด้วยโควิด -19 ที่พัฒนาโดย Regeneron Pharmaceuticals และ Gilead Sciences ส่งหุ้นเพิ่มขึ้น 7% และ 2% ตามลำดับ

“ตัวเลบ PMI ปรับตัวดีขึ้นในเดือนกันยายนเป็น 57.8 จาก 56.9 ดัชนียังคงปิดระดับสูงสุดในเดือนกรกฎาคมที่ 58.1 (แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2018) แต่รายละเอียดของข้อมูลเป็นสิ่งที่ให้กำลังใจมากที่สุดที่เราได้เห็นนับตั้งแต่เริ่มฟื้นตัว” Jefferies กล่าว

การเคลื่อนไหวที่สูงขึ้นของหุ้นมูลค่าเช่นการเงินได้รับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นด้วยความหวังที่เพิ่มขึ้นว่า Steven Mnuchin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐและ Nancy Pelosi ประธานสภาจะสามารถดำเนินการเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อทำข้อตกลงได้
——————————————–

Currencies Soar As Trump Escapes Worst Of COVID

เงินดอลลาร์ไม่ควรเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดขนาดใหญ่ในสัปดาห์หน้านี้ นอกเหนือจากรายงาน ISM ภาคบริการของวันจันทร์ซึ่งมีจำนวนสูงกว่า แล้วสิ่งที่ติดตามในตอนนี้คือ รายงานการประชุม FOMC ในเช้ามืดวันพฤหัส ธนาคารกลางสหรัฐมีจุดยืนที่ชัดเจนมากเมื่อเดือนที่แล้ว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย และ การว่างงานในระดับที่สูงในอดีตจึงไม่มีแผนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงสามปีข้างหน้า ในความเป็นจริงเจไดสองในเก้าคนต้องการให้เฟดใช้ภาษาที่ชัดเจนขึ้นเพื่ออธิบายความมุ่งมั่นของพวกเขาที่มีต่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ รายงานการประชุม FOMC ได้รับการคาดหวังอย่างกว้างขวางเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของธนาคารกลางซึ่งอาจเป็นผลลบมากกว่าเชิงบวกสำหรับดอลลาร์

EUR หหรับตัวสูงขึ้นช่วงการซื้อขายของสัปดาห์ที่แล้วจากการปรับ PMI ของยูโรโซนที่ปรับขึ้น กิจกรรมภาคบริการแข็งแกร่งกว่าที่ประเมินไว้ในตอนแรกซึ่งผลักดัน PMI คอมโพสิตของยูโรโซนในเดือนกันยายนถึง 50.4 ด้วยเหตุนี้จึงยังคงอ่อนตัวลงกว่าเดือนก่อนหน้าและก่อนหน้าการปิดล็อกใหม่ทั่วทั้งภูมิภาค ดังนั้นในขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งค่าในตอนนี้มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับสกุลเงินที่จะรักษาผลกำไรพร้อมกับสัญญาณที่ชัดเจนของการฟื้นตัวที่ชะลอตัว การผลิตในภาคอุตสาหกรรมคำสั่งซื้อจากโรงงานและข้อมูลการค้ามีกำหนดเผยแพร่จากเยอรมนี แต่ความคิดเห็นจากประธาน ECB Christine Lagarde

GBP ยังได้รับประโยชน์จากการปรับ PMI ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวของยูโรเนื่องจากนักผจญดอยเริ่มเบื่อหน่ายกับการเจรจา Brexit และกลัวว่าการที่เยอรมนีเรียกร้องให้ทำการผลักดันข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่ครั้งสุดท้ายจะให้ผลเพียงเล็กน้อย

AUD RBA จะมีการประกาศนโยบายการเงินในวันนี้ ธนาคารกลางคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม มันไม่ได้เปิดกว้างสำหรับแนวคิดเรื่องอัตราติดลบเช่นเดียวกับเพื่อน ๆ แต่ข้อมูลได้ลดลงตั้งแต่การประชุมนโยบายครั้งล่าสุด ยอดค้าปลีกลดลงโดยมีการชะลอตัวในกิจกรรมการผลิตการบริการและการก่อสร้าง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการปิดตายในวิกตอเรียซึ่งกินเวลานานกว่าสองเดือน นับตั้งแต่นั้นได้ถูกยกเลิก แต่เราจะไม่เห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจจนกว่าจะมีรายงานในเดือนหน้า งบประมาณของรัฐบาลจะออกในวันรุ่งขึ้นดังนั้น 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับสกุลเงิน

ครั้งสุดท้ายที่พบ RBA มันยังคงมีมุมมองว่าการฟื้นตัวจะไม่สม่ำเสมอและเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการในส่วนใหญ่ของออสเตรเลีย ธนาคารกลางยังคงรู้สึกว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นสิ่งจำเป็นและเราคิดว่าแนวโน้มของพวกเขาจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่ในเดือนนี้

NZD และ CAD ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันในวันจันทร์ ไม่มีข้อมูลใด ๆ ออกมาจากนิวซีแลนด์ แต่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่เป็นสัปดาห์ที่ยิ่งใหญ่สำหรับ USD / CAD ด้วยดุลการค้า IVEY PMI และตัวเลขตลาดแรงงาน
————————————————-

Crude Oil Prices Rise on Expectations for Supply Disruption

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวันจันทร์เนื่องจากยืนยันว่าลุงโด้ถูกปล่อยออกจากโรงพยาบาลในขณะที่ความกลัวว่าอุปทานจะปรับตัวลดลงก็กระตุ้นความเชื่อมั่น
————————————————

Gold futures finish at highest price in over 2 weeks

ทองคำปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์โดยราคาที่แตะระดับสูงสุดในเวลาเพียงสองสัปดาห์ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐจำนวนมากขึ้นทดสอบในเชิงบวกสำหรับโควิด -19 ซึ่งกระตุ้นให้เกิด “สินทรัพย์ระดับสวรรค์” เช่นทองคำ Chintan Karnani หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ Insignia Consultants กล่าว ทองคำ GCZ20 เดือนธันวาคม -0.16% เพิ่มขึ้น 12.50 ดอลลาร์หรือ 0.7% ปิดที่ 1,920.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาตามสัญญาที่มีการใช้งานมากที่สุดทำเครื่องหมายสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนตามข้อมูล FactSet

เวลา เปิด-ปิด ของตลาด Forex : Trading Session

เวลา เปิด-ปิด ของตลาด Forex : Trading Session
เวลา เปิด-ปิด ของตลาด Forex : Trading Session

เวลา เปิด-ปิด ของตลาด Forex : Trading Session
รายละเอียดดังนี้
.
เวลาเปิดปิดตลาด ‘ออสเตรเลีย’ : 05.00 – 13.00 น.
เวลาเปิดปิดตลาด ‘ญี่ปุ่น’ : 06.00 – 14.00 น.
เวลาเปิดปิดตลาด ‘สวิตเซอร์แลนด์’ : 13.00 – 21.00 น.
เวลาเปิดปิดตลาด ‘ยุโรป’ : 14.00 – 23.00 น.
เวลาเปิดปิดตลาด ‘ลอนดอน’ : 15.00 – 23.00 น.
เวลาเปิดปิดตลาด ‘อเมริกา, แคนาดา’ : 19.00 – 03.00 น.

(ถ้าเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวให้เราเพิ่มไปอีก 1 ชม.)❄️
_______________________

ผมจะมาพูดเรื่องของการ 
Overlap ของเวลาเปิดปิดตลาด Forex

เวลาที่ควรเทรด Forex คือช่วงเวลาที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง และช่วงเวลาดังกล่าวคือช่วงที่มีการ Overlap กันของแต่ละตลาดนั่นเอง หรือเป็น ช่วงที่มีตลาด Forex เปิดพร้อมกันมากที่สุด และต่างก็เป็นตลาดใหญ่ ได้แก่ Europe, London และ USA ซึ่งจะเห็นตามภาพด้านล่างว่าคือช่วงประมาณ 14.00 – 23.00 น.
.
ช่วงนี้มักเป็นช่วงที่มีผู้เล่นคึกคักมากที่สุด เหตุผลที่ผู้เล่นรายใหญ่ รวมถึงกลุ่ม Institutional Investor นิยมเปิดสถานะในช่วงเวลานี้ เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องซื้อขายด้วยสถานะการเทรดที่ใหญ่มาก เพราะการเข้าเทรด Lot ใหญ่ๆ ในช่วงที่เวลาที่ตลาด Forex ส่วนใหญ่ปิดทำการ จะส่งผลเสียใหญ่ๆ 2 ประการ

– หากเป็นกลุ่มนักเก็งกำไร จะเท่ากับเปิดเผยสถานะอย่างชัดเจน เพราะการซื้อขายด้วย Lot ขนาดใหญ่ในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ มีโอกาสที่จะดันราคาให้เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ
ผลจากการที่สภาพคล่องต่ำ มีแนวโน้มที่จะได้รับต้นทุนการซื้อขายที่แพงมากๆ อีกด้วย

– ถ้าไม่มีคนรับซื้อที่มากพอ ราคาจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นไปสู่จุดที่มีคนรับซื้อ ต้นทุนการเทรดจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามขนาดของ Lot ที่ใหญ่ขึ้น (เป็นไปตามกลไกราคา-อุปสงค์และอุปทาน
.
ช่วงไหนไม่ควรเทรด
แน่นอนว่า ตรงกันข้ามกับช่วงเวลาที่ควรเทรด Forex โดยช่วงที่ไม่ควรเทรดจะเป็นช่วงที่รอยต่อเวลาที่ตลาด Forex สหรัฐฯ กำลังจะปิด ไปจนถึงครึ่งแรกของ Session ออสเตรเลีย ซึ่งเวลาจะอยู่ประมาณ 01.00 – 7.00 น. โดยตลาดในช่วงนี้เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำมาก

ดราม่าลงเรียนราคาแพงแต่ไม่เข้าใจ ไม่ได้อะไรกลับมา

ดราม่าลงเรียนราคาแพงแต่ไม่เข้าใจ ไม่ได้อะไรกลับมา
ดราม่าลงเรียนราคาแพงแต่ไม่เข้าใจ ไม่ได้อะไรกลับมา
ดราม่าลงเรียนราคาแพงแต่ไม่เข้าใจ ไม่ได้อะไรกลับมา
ทำไมมือใหม่สนใจ Elliott Wave
และพยายามลงเรียน เพื่ออยากจะเข้าใจ
คิดว่ามันเป็น ศาสตร์ที่เทพที่สุดในตลาด เพราะมันเข้าใจยาก และซับซ้อน ผลลัพธ์ก็คงออกมาดีมากๆๆ
จะบอกความลับ อย่างนึงในตลาดให้นะครับ
ความลับคือ ตลาดนี้ไม่มีความลับ
หรือเทคนิคพิเศษโคตรเทพ ที่ไม่มีคนรู้
หรือใช้กันแค่บางกลุ่มเท่านั้น มันไม่มี
จริงๆ แล้วทุกเทคนิคในตลาดนี้
มันสอดคล้องกัน
พูดง่ายๆ ว่า..
ต่างวิธีการ แต่เป้าหมายคือจุดเดียวกัน
อยู่ที่มุมมองของคนเอาเทคนิคมาใช้
เช่นคุณจะเดินทางจาก ยะลาไปกรุงเทพฯ
– รถยนต์
– รถจักรยานยนต์
– เครื่องบิน
– รถไฟ
ต่างวิธีการ ต่างกัน
แต่จุดหมายคือจุดเดียวกัน
แต่มีปัจจัยอย่างอื่น
เช่นในตลาดนี้
คือ ความยาก ความง่าย
ความเข้าใจในการศึกษา และนำมาใช้
และศาสตร์ทาง Elliott wave นั้นยากที่สุด (สำหรับผม) ทำให้มุมมองของคนที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ เข้าใจว่า มันจะเป็นเทคนิคที่ดีที่สุด
ให้ดูภาพประกอบ ข้างบน
4 ช่อง มีเทคนิค 4 เทคนิค
– Elliott Wave
– Price Action
– Harmonic pattern
– Fibonacci Retracement
มองต่างกันคนละภาพ แต่จุดหมายคือที่เดียวกัน
แต่เงื่อนไขต่างกัน และวิธีการ
ถามว่าผมถนัดอะไรที่สุด
ผมถนัดทุกเทคนิค
แต่จะเลี่ยง Elliott Wave
เพื่อลดขั้นตอน และลดเวลาการวิเคราะห์ครับ
ถามว่าต้องเรียนรู้ทุกอย่างไหม
สำหรับผมแนะนำให้ศึกษา
(พื้นฐาน)ทุกเทคนิค แล้วลองดูจริต ตัวเองว่าชอบแบบไหน
และศึกษา เทคนิคนั้นให้เราถ่องแท้
ส่วนระบบที่ผมเทรด คือระบบ
Multiple Factor หรือการเทรดหลายปัจจัย เพื่อนำมาหา จุดทับซ้อนกันจองแต่ละเทคนิค ( confluence )
ยกตัวอย่างเช่น..
คนนึง เทรด Demand supply
คนนึง เทรด Fibonacci
คนนึงเทรด Harmonic
คนนึงเทรด Chart Pattern
ผมเนี่ย เอาทั้ง 4 คนมารวมกัน
รวมในที่นี้ คือเอามุมมองของคนทั้ง 4 ที่รอในจุดเดียวกัน
ในเมื่อเทคนิคมันสอดคล้องกัน
เราก็เลย นำมุมมองของทุกคนมาเทรด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความน่าจะเป็นสูงสุด
แต่… ไม่ได้แปลว่าจะ 100%
เพราะไม่มีเทคนิคไหนในตลาดนี้ จะแม่นยำ 100%
เราจึงมีสิ่งที่เรียกว่า Money management เข้ามา
mm เข้ามาทำหน้าที่
ในเวลาที่เรา “มองตลาดพลาดไป”
เพื่อให้เราไม่สูญเสียเงินทุนทั้งหมดไป
แม้ว่า เราจะเทรด 10 ครั้ง
แต่ถ้าเรามี Money management ที่ดี เราชนะแค่ 4 ครั้ง แพ้ 6 ครั้ง
เราก็ได้กำไร และอยู่รอดในระยะยาว
ผมอยากให้ทุกคนมอง Forex แบบ long term หรือการเทรดระยะยาว
ผลลัพธ์ไม่ได้วัดกันที่ ไม่กี่ออเดอร์
แล้วคุณจะเทรดแบบไม่เครียดเลย
คุณสามารถ Stoploss ได้
แล้วยังรู้สึกเฉยๆ เพราะคุณรู้ว่ามันจะกลับมาหาคุณในที่สุด (ระยะยาว)
เวลาถูกทางคุณก็ไม่ดีใจอะไร เพราะคุณรู้ว่ามันเป็นไปตามแผน
ผลลัพธ์ที่ได้มา ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
ตลาดนี้เราคุมไม่ได้
เราคุมได้อย่างเดียวคือ Risk
และจง managements มันให้อยู่หมัด
เพราะมันคือทางรอดในระยะยาว อย่าพยามไปคิดแทนตลาด ให้เทรดตามสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่คิด
และก็ plan your trade and trade your plan แค่นั้นเอง

5 สาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์เกิดความกลัว

5 สาเหตุที่ทำให้เทรดเดอร์เกิดความกลัว

ตลาด Forex นี้มีความผันผวนและคาดเดาได้ยาก ต่อให้มีกลยุทธ์ที่ดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถการันตีว่าคุณจะทำกำไรได้ทุกครั้ง

นอกจากเทรดเดอร์จะต้องรับมือกับตลาดที่ผันผวนซึ่งเกิดจากข่าวสารต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อตลาด ยังต้องเผชิญหน้ากับความกลัวในจิตใจของเทรดเดอร์อีกด้วย … ซึ่งพี่ม้าขอบอกเลยว่า เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเรายังมีความเป็นมนุษย์

หากไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิด “ความกลัว” ในการเข้าเทรด จะไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้เลย แล้วเราจะไม่สามารถยกระดับพัฒนาการเทรดที่ดีได้
วันนี้พี่ม้าขอนำเสนอ 5 สาเหตุ ที่ทำให้เกิดความกลัว ได้แก่

1. การ Overtrade เทหมดหน้าตัก โดยไม่มี Money Management ที่ดี การที่เราไม่ยอมจำกัดการขาดทุนให้เท่ากันทุกครั้ง จะทำให้เกิดการ Overtrade เพราะความโลภ เมื่อกราฟไปผิดทาง เราก็จะกลัวการขาดทุน เพราะไม่ได้วางแผนที่จะเสียเงินจำนวนเท่านี้มาก่อน
ยกตัวอย่างเช่น พอร์ท $1000 แล้วไปเข้าออเดอร์ จนโดนลากไป $300 แบบนี้ จะทำใจคัทลอสไม่ลง เพราะไม่ได้เตรียมใจจะเสียเงิน 30% ของพอร์ทมาก่อน สรุปโดนลากต่อไปเรื่อยๆ จนล้างพอร์ท

แต่ถ้าเราวางแผน ว่าทุน $1000 แล้วจะกำหนดเงินที่เทรดขาดทุน ครั้งละ $30 เมื่อถึงจุด Stoploss เราก็จะตัดขาดทุนได้ตามแผนทันที เพราะเราเตรียมใจขาดทุนในการเทรดครั้งนี้ด้วยจำนวนเงินที่น้อย และรับความเสี่ยงได้

2. ไม่ได้มองภาพรวมในการเทรด แต่ไปโฟกัสกับการสตอปลอส แค่ 1-2 ครั้ง เทรดเดอร์มือใหม่มักจะให้ความสำคัญกับการออกไม้ ครั้งแรก หรือสองครั้ง พอเริ่มขาดทุน ก็จะเกิดความกลัว ไม่เข้าทำตามแผนเทรดเดิม หรือไม่มีวินัยในการเทรดในครั้งต่อๆไป คุณควรมองเกมระยะยาว ว่าหลังจากเทรดไปแล้ว 5-10 ครั้ง กำไรมากกว่าขาดทุนหรือไม่ เพราะความผันผวนของตลาด มันไม่สามารถบอกได้หรอกครับ ว่าครั้งไหนจะกำไร

3. ยึดติดกับการขาดทุนหนักๆ จนทำลายความมั่นใจในการเทรดครั้งต่อไป ข้อนี้ถือว่าเป็นปัญหาของคนที่เคย Overtrade มาก่อน ซึ่งเราสามารถแก้ได้ด้วยการคุมความเสี่ยง ตามข้อ 1 ถ้าเสียเยอะๆ แนะนำให้พัก แล้วเริ่มต้นเข้าตลาดมาใหม่ ด้วยการเน้นเรื่อง “คุมความเสี่ยง”

4. เชื่อมั่นในมุมมองและกรอบความคิดมากเกินไป
ยกตัวอย่างง่ายๆ ปีนี้เป็นปีที่ทอง ขึ้นไปทำ All time high ราคาขึ้นทะลุทุกต้านแบบบั้งไฟ ตอนทองไปที่ราคา 2070 ผมเริ่มเห็นสัญญาณ Divergence และเริ่มระแวงว่าอีกไม่นานจะปรับตัวลง แต่ก็มีเพื่อนๆ และคนใกล้ตัว ที่แห่ไปซื้อทองช่วงนี้ ช่วงทอง 22,000 บ่นแพง แต่หอบเงินไปซื้อทองเพิ่มตอน 30,000 แบบนี้เค้าเรียกว่า Bias สุดๆ ให้ระวังไว้ พอราคาทุบลงมา จะเกิดความเสียเซลฟ์และกลัวการลงทุนไปซะอย่างงั้น

5. ไม่ศึกษาเครื่องมือการเทรด และทำความเข้าใจให้มากพอ
ก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง ต้องจะมีกลยุทธ์การเทรดที่เราทดสอบมาแล้ว ว่ามีโอกาสทำกำไรในตลาดได้ โดยอาจจะศึกษาฟรีตาม Youtube หรือลงเรียนคอร์สพื้นฐานก็ยังดี อย่าเข้ามาในตลาดถ้ายังไม่พร้อม พวกนี้อาศัยชั่วโมงบินครับ หากเราเดินเข้าไปในสงครามโดยที่ไม่มีอาวุธครบมือ มันก็เสี่ยงที่จะได้รับความพ่ายแพ้ (ถึงชนะก็คือฟลุกนั่นแหละครับ)

หากเพื่อนๆ อ่านแล้วคิดว่า 5 ข้อนี้ สามารถทำไปแก้ไขและปรับปรุงการเทรดได้ ถึงเวลาแล้วครับ ที่จะเปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้า หันหน้าสู่กับตลาดอีกครั้ง