Elliott wave ฉบับย่อตามที่คุณลุงโฉลกสอน

Elliott wave ฉบับย่อตามที่คุณลุงโฉลกสอน Elliott wave กฏของ Elliott wave ที่คุณลุงใช้มีอยู่แค่ 2 ข้อ คือ Wave 3 ต้องไม่สั้นที่สุด และ Wave 4 ต้องไม่ต่ำกว่า Wave 1 นอกจากนั้นก็มีข้อสังเกตุอีกไม่กี่ข้อ Wave 1 มักจะประกอบด้วย 3 sub-waves, Wave 2 มักจะลงยาวเป็น A-B-C ชัดเจน และ Wave 4 ลงเร็วแล้วต่อด้วย Sideway sub-waves 1–2 ของ Wave 5 Elliott wave ประกอบด้วย 2 ส่วนที่สำคัญเสมอ คือ Pattern Recognition (คือ ขาขึ้นมี 5 Wave 1–2–3–4–5

เปิดเผยกลยุทธ์ตลาดใหม่

ภาพรวม สิ่งที่คุณจะได้รับการสอนในบทเรียนถัดไป และกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จะเปลี่ยนทุกอย่างที่คุณคิดเกี่ยวกับฟอเร็กซ์ และวิธีการทำงานของตลาดจริงๆ เราจะพูดถึงโครงสร้างตลาดและรูปแบบที่ตัวแทนจำหน่ายใช้เพื่อดึงดูดผู้ค้าเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ เราจะพูดถึงวิธีการเข้าสู่ตลาดกับหัวหน้าผู้ค้าปลีกและสอดคล้องกับผู้ค้า Forex (ผู้ดูแลสภาพคล่อง) ประโยชน์ของการซื้อขายที่สอดคล้องกับตัวแทนจำหน่ายคืออะไร? เมื่อตัวแทนจำหน่ายย้ายของเขา ตลาดสามารถแกว่งหลายร้อย PIPS และหากการซื้อขายของคุณ “สอดคล้องกับตัวแทนจำหน่าย” คุณจะมีศักยภาพในการทำกำไรที่สูงขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น! นอกจากนี้เรายังจะพูดถึงจิตวิทยาการซื้อขายและความอดทน วิธีรับการซื้อขายที่มีอัตราส่วนความเสี่ยงสูงถึง 1:10 หรือแม้แต่ 1:20 โดยไม่มีการขาดทุนเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้? คุณจะประหลาดใจมากกับสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ในบทเรียนถัดไป เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนทัศน์ใหม่ บทเรียน #1 – ผู้สร้างตลาด ผู้สร้างตลาด ตลาด Forex ถูกควบคุมโดยโบรกเกอร์ HEDGE-FUNDS & BANKS โดยมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด คุณไม่มีค่าสำหรับตัวแทนจำหน่าย ( MARKET MAKER ) ถ้าเขาไม่สามารถพาคุณเข้าสู่ตลาดได้! เมื่อ “ผู้ค้าปลีก” ส่วนใหญ่รู้จักรูปแบบที่แสดงบนแผนภูมิ ผู้ดูแลสภาพคล่องจะแสดงผลกำไรเล็กน้อยให้ผู้ค้าปลีก (เพื่อล่อให้พวกเขาใช้ความเสี่ยงที่สูงขึ้น เลเวอเรจมากกว่า & เหนือการค้า) จากนั้น เมื่อคุณ (ผู้ค้าปลีกรายย่อย) อยู่ในหัวของคุณในการซื้อขายที่มีความเสี่ยงสูงสุด

วิธีหารายได้ 1 ล้านดอลลาร์จากการเทรดฟอเร็กซ์

วิธีหารายได้ 1 ล้านดอลลาร์จากการเทรดฟอเร็กซ์ เครื่องมือใดช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน 100% ทุกเดือน? ไม่สามารถแบ่งและหุ้นเป็นผลตอบแทนโดย Warrant Buffet และนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของโลกมีเพียง 25% เท่านั้นที่ดีที่สุดเหนืออัตราผลตอบแทนประจำปี หากคุณซื้อขายหุ้นหรือออปชั่นด้วยเลเวอเรจ คุณสามารถบรรลุอัตราผลตอบแทนสูงสุด 25% ต่อเดือน แต่ด้วยการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่ 500:1 หรือ 200:1 เลเวอเรจ ไม่ใช่ความฝันที่จะบรรลุ 100% ทุกเดือน

8เคล็ด(ไม่ลับ)ปั้นพอร์ตหลักแสนเป็นหลักสิบล้าน(ด้วยวิธีที่ไวที่สุด)

8เคล็ด(ไม่ลับ)ปั้นพอร์ตหลักแสนเป็นหลักสิบล้าน(ด้วยวิธีที่ไวที่สุด) 1.#เสี่ยงให้น้อยในวันที่ยังไม่กำไร รอต่อยให้หนักในวันที่ควร Stepแรกเทรดให้น้อย ให้ชินสนาม เมื่อเริ่มจับทางได้ กำไรสม่ำเสมอ ให้เพิ่มหน้าตักทีละนิด อย่าไปกระจายความเสี่ยง ให้เทรดตัวเดียวถึงสองตัว แต่ค่อยๆเพิ่มpositionsizingเรื่อยๆ 2.#กำเงินมาพร้อมกับยอมรับได้ว่าถ้าหายไป50%เราโอเค ข้อดีของพอร์ตน้อยคือถ้าเจ๊งก็หายไม่เยอะ ข้อเสียคือรวยช้าถ้ามัวแต่กลัว การจะปั้นพอร์ตให้ไว สิ่งที่มาคู่คือ ความเสี่ยง แต่ด้วยความที่ฐานทุนที่น้อย ความเสี่ยงที่เราใส่เลยได้มากกว่า คิดจะอยากรวยไวก้ต้องยอมรับความเสี่ยงแต่แรก 3.#ทำคุณภาพชีวิตให้ต่ำ อย่าพึ่งฟุ้งเฟ้อ กำไรส่วนใหญ่ที่ได้ต้องเอาไปเทรดต่อเพื่อเพิ่มพอร์ตที่มากขึ้น เป้าหมายเราคือปั้นพอร์ตให้ไว ไม่ใช่การสร้างกระแสเงินสด เพราะฉะนั้นหลายคนติดกับดักตายคือพอได้เงินเยอะก็ไปเพิ่มคุณภาพชีวิตตัวเองเยอะตาม ค่าใช้จ่ายเยอะตามรายได้ ทำให้พอร์ตโตช้าเพราะสัดส่วนการนำไปลงทุนต่อน้อย 4.#มีจุดพักbreak ในทุกๆช่วง ถ้าพอร์ตโตไว สิ่งที่ตามมาคือ ego แล้วจะทำให้พอร์ตพัง เมื่อสามารถปั้นพอร์ตได้ถึงจุดนึง ถ้าขาดทุนหนักให้หยุดเทรดในทุกกรณีแล้วกลับไปเทรดแบบปรอดภัย เทรดน้อยๆแบบข้อที่1 อย่าพึ่งอัด เมื่อถึงจุดแล้วให้อัดต่อ การพักมีประโยชน์ทำให้ใจเรารับกับเงินตรงหน้าได้ เมื่อก่อนเราอาจเคยเสียไม้นึง2000แต่ปัจจุบันอาจจะ20000 บางคนอาจจะปรับตัวยาก 5.#เทรดสินค้าที่มีreverageหรือหุ้นเล็ก จะไปซื้อหุ้นที่ราคา200แต่มีเงิน3แสนก็ใช่เรื่องอยู่ หาสินค้าหรือproductที่มีreverage ถ้าเป็นหุ้นหาหุ้นที่ไม่ใหญ่ไป หุ้นใหญ่ไปวิ่ง100%มันแทบเป็นไปไม่ได้ หาสินค้าที่วิ่งเยอะ วิ่งถี่ มีรอบให้เล่นตลอด ไม่ใช่สินค้าที่ราคาไม่ไปไหน แบบนี้ค่าเสียโอกาสจะเยอะ 6.#อย่าเทรดสั้นมากscalping อาจจะปั้นได้แต่ไม่คุ้มเวลา ลักษณะการเทรดควรเป็นการยิงนัดเดียวได้เยอะ

สัญญาณเทรดเยอะแยะเต็มไปหมด !?! อันไหนจริงอันไหนหลอก มาดูกัน !

สัญญาณเทรดเยอะแยะเต็มไปหมด !?! อันไหนจริงอันไหนหลอก มาดูกัน ! วันนี้เรื่องที่เราจะมาพูดถึงเลยคือเรื่องของสัญญาณการเทรด หลายๆคนเนี่ยน่าจะสงสัยว่า ทำไมสัญญาณเข้าออกต่างๆเนี่ย เทรดก็เทรดเหมือนเดิมหมดนะ แต่ทำไมบางครั้งกลับผิดพลาดล่ะ แล้วเราจะเลือกยังไงดีนะ จะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังกันครับ . หลายๆครั้งที่เทรดเดอร์อย่างเราๆเทรดกันเนี่ย จะมีบางช่วงที่ เฮ้ย เทรดยังไงก็ได้เงิน เทคนิคที่ใช้เนี่ย ทำเงินให้เราได้ตลอด แต่บางครั้งเนี่ย อยู่ๆก็เกิดปัญหาขึ้นมา วันนี้ก็เทรดเหมือนวันนั้นนะ แต่ทำไมโดน SL บ่อยจังล่ะ? . คำตอบของปัญหานี้อาจจะเกิดขึ้นได้หลายปัจจัย ยกตัวอย่างเช่น . 1. เราเทรด Timeframe ที่เล็กลง เมื่อเราเทรด Timeframe ที่เล็กลง อาจจะทำให้เรา มีสัญญาณรบกวนมากยิ่งขึ้น เมื่อเราเจอแบบนั้น ก็จะทำให้สัญญาณที่ปกติ กลายเป็นผิดพลาดมากยิ่งขึ้น และ เมื่อเรายิ่งทำผิดพลาดบ่อยๆ เราก็ยิ่งหมดกำลังใจ สถานะแบบนี้ปกติเราเรียกว่า Bad Beat ละพอเราหมดกำลังใจ เราก็จะเลิกเทรด หรือ ย้ายไปเทรดด้วย Technic อื่นในที่สุด 2.เราไม่ละเอียดมากพอ บางครั้ง

ผิด ขั้นตอนไหน ทำไม ขาดทุนติดๆกัน

—-ผิด ขั้นตอนไหน ทำไม ขาดทุนติดๆกัน —- สำหรับ เทรดเดอร์ที่กำลังฝึก คำว่า ขาดทุนติดๆกันเป็นเรื่อง ธรรมดาครับ สำหรับ สาย Stop Loss ในจำนวน การเทรด ที่ยัง ไม่มากพอ ผมอยากจะให้ เริ่ม ทำ Stat เบื้องต้น อย่าง น้อย 20 เทรดนะครับ นั่นแปลว่า เป็นเรื่อง ธรรมดาครับ ถ้าจำนวนการเทรดยังน้อย และ Stat ยังไม่สามารถ หาค่าเบื้องต้นได้ อย่ามอง หาหรือพยายามปรับ อะไรทันทีทันใด การ –ปรับไปปรับมา– หรือ Switching มักจะวนเป็นวงกลม กลับมา Loop เดิม แต่ ถ้าเรา –ปรับเปลี่ยน– เอา weak หรือ จุด ที่ มีผลในแง่ลบ

ถ้าแก้12พฤติกรรมนี้ได้แล้วคุณจะไม่มีทางขาดทุน! ใครทำได้โครตเก่ง

ถ้าแก้12พฤติกรรมนี้ได้แล้วคุณจะไม่มีทางขาดทุน! ใครทำได้โครตเก่ง อยากให้ลองเก็บไว้และทำchallengeคือแก้ไปทีละข้อในแต่ละอาทิตย์ ถ้าทำได้ถึงข้อไหนจะต้องไม่กลับไปทำอีก ไม่นั้นให้เริ่มข้อก่อนหน้าใหม่ ครั้งหน้าจะมาบอกรายละเอียดแก้ยังไง Week1 ห้ามovertradeในทุกกรณี วางความเสี่ยงให้ต่ำ1-2%ต่อการเทรด ข้อนี้ยากตรงเราต้องคุมความโลภในการอยากรวยไว แต่มันจะไวถ้าผ่านเสต็ปนี้ Week2 ถึงจุดตัดขาดทุนstoploss ต้องstop ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีอลุ่มอล่วยทุกกรณี ข้อนี้ฝึกความตัดใจในการเสียเงินทุนให้เป็นส่วนนึง Week3ยังไม่ถึงจุดทำกำไรtakeprofitห้ามออกก่อนและออกหลัง ในทุกกรณี ฝึกความกลัวที่ราคาจะลงและฝึกความโลภที่เราอยากได้มากกว่านั้น Week4ไม่ถึงหน้าเทรดตัวเองแผนตัวเองห้ามเทรดเด็ดขาดในทุกกรณีต่อให้จะเห็นโอกาสเท่าไรก็ตาม ฝึกใจที่จะรอให้เป็น Week5ถ้าขาดทุนติดๆไม่เอาคืน ห้ามอยากจะเอาคืนแบบเร่งรีบ คล้ายข้อ4 Week6ห้ามเปลี่ยนกลยุทย์ ใช้กลยุทย์ แผนการวิเคราะห์แบบเดียวให้มากกว่า3เดือนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขาดทุน ก็ห้ามเปลี่ยน Week 7ถึงจุดเข้าต้องเข้า ห้ามกลัว ถ้าลังเลแล้วกลัวให้ฝึกจนเข้าทุกครั้งที่ต้องเข้า ฝึกความกลัวเพราะหลายคนจะกลัวตอนเสียติดๆจนขาดความมั่นใจ Week8ไม่เทรดสวนเทรนในทุกกรณี ให้biasไปฝั่งเดียวตามเทรน ถ้าsidewayให้หาจุดกลับเทรดสองฝั่งได้ Week9เทรดแค่สินค้าเดียว เลือกสักอย่าง ถ้าทองก็ทองดูแต่ทอง อย่าสลับไปมา Week10ไม่ฟังแผนของคนอื่นไม่ว่าคนนั้นจะพูดอะไรก็ตาม ไม่เปลี่ยนแผนกลางคัน ฝึกความนิ่ง Week11ได้กำไรมาอย่าเอาไปเสียเล่นๆเทรดบ้าๆเด็ดขาดรักษากำไรทุกเม็ด Week12ทำทุกข้อให้ชำนาญ สม่ำเสมอ ไม่ต้องคิดถึงกำไรขาดทุนก่อน ข้อไหนไม่ผ่านแก้ให้ผ่าน คนที่ขาดทุนเพราะคุณกำลังทำข้อใดข้อนึง ดูเหมือนง่าย ทั้งหมดไม่ใช่ทุกอย่างของการเทรด แต่เป็นการฝึกพื้นฐานที่ดี ถ้าฝึกตรงนี้ได้

เราจะลาออกไปเป็น Full Time Trader ดีไหม ?

ถ้าหากเพื่อนๆ เป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์ สามารถสร้างรายได้จากการเทรดได้สม่ำเสมอ และมีคำถามหนึ่งที่ติดอยู่ในใจคือ “เราจะลาออกไปเป็น Full Time Trader ดีไหม ?” นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก การตัดสินใจดังกล่าว อาจเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตคุณไปตลอด การลาออกจากงาน เพื่อมาเทรดเป็นอาชีพ จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ และเตรียมรับมือกับผลที่อาจจะตามมา ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์สูง เคยมีผลงานเทรดที่ดี แต่การผันตัวเองไปเป็น Full Time Trader นั้นมีจุดเปลี่ยนที่คุณต้องทำความเข้าใจ 1. ความกดดันที่เพิ่มขึ้น ? คุณอาจเคยเทรดได้ดีในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อคุณลาออกจากงานประจำ ความกดดันจะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการเทรดนั้น กลายเป็นรายได้หลัก ของครอบครัวและลูกๆของคุณ การรักษาวินัย การบริหารความเสี่ยง จึงต้องมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น นอกจากการกดดันตัวเอง สถานการณ์รอบข้างก็จะยิ่งกดดันคุณมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งนั้นอาจกลายเป็นการสะสมความเครียด และมักจะส่งผลให้การตัดสินใจเทรดแต่ละครั้งของคุณแย่ลง คุณอาจจะไม่สามารถตัดสินใจเทรดได้ดีเหมือนเมื่อก่อน เพราะความกดดันที่มากขึ้น และอาจนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับระบบเทรด ทั้งๆที่คุณเคยทดสอบมันมาเป็นอย่างดีแล้ว คุณต้องถามตัวเองว่า… คุณจะรับมือกับความกดดัน,ความเครียด ที่เพิ่มสูงขึ้นได้หรือไม่ ? ชั่วโมงบินของคุณสูงพอ ที่รับมือกับความผันผวนของตลาดหรือไม่ ? 2. มันจะช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นจริงๆหรือ ? การลาออกจากงานมาเทรด
BCF Theme By aThemeArt - Proudly powered by WordPress.
BACK TO TOP